ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เริ่มต้นด้วยการออม

ออมก่อนรวยก่อน

      แต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันแต่จะมีสักกี่คน... ที่มีการเตรียมตัวและวางแผนล่วงหน้าเอาไว้อย่างดีว่าจะทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการนั้น ซึ่งผู้ที่วางแผนและหมั่นเก็บออมเงินอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ย่อมมีเงินออมมากพอสำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉินหรือยามเกษียณอายุ ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ละเลยเรื่องการออมหรือเพิ่งจะเริ่มออมเงินตอนใกล้ๆ เกษียณอายุ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เงินที่เก็บออมไว้อาจไม่เพียงพอ จนต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาจับจ่ายใช้สอย ก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมาในที่สุด ดังนั้น การวางแผนเก็บออมเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับทุกคน

สมการของการออมเงิน

      ดังที่กล่าวไปแล้วว่า...การออมเงินมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคต เราจึงควรวางแผนเก็บออมเงินอย่างสม่ำเสมอ แต่โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักจะเก็บออมเงินก็ต่อเมื่อใช้จ่ายจนพอใจแล้ว จึงนำเงินส่วนที่เหลืออยู่ไปออม ดังสมการเงินออมด้านล่างนี้


     ด้วยแนวคิดแบบเดิม คนส่วนใหญ่จึงมีเงินออมไม่มากนัก เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เมื่อมีเงินอยู่ในมือ ก็มักจะมีเรื่องให้ใช้จ่ายได้ตลอดเวลา ดังนั้น หากคุณต้องการเก็บออมเงินให้ได้อย่างสม่ำเสมอ คุณควรเปลี่ยนมาใช้สมการเงินออมใหม่นี้แทน


     นั่นหมายความว่า เมื่อได้รายรับมาแล้ว ให้กันเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินออมก่อน ส่วนที่เหลือจึงจะเป็นเงินค่าใช้จ่ายตามที่ต้องการ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้คุณมีเงินเก็บออมอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการออมมากขึ้น จึงควรนำ “กลยุทธ์การออมเงินแบบลบ 10 บวก 10” มาใช้ร่วมกับสมการเงินออม ดังนี้
     การออมเงินแบบลบ 10 คือ เมื่อหาเงินมาได้เท่าไรให้หักไว้เป็นเงินออมก่อนที่จะเอาไปใช้จ่ายทันที 10% เช่น หากคุณมีเงินเดือน 8,000 บาท ก็หักไว้เป็นเงินออมก่อนเลย 800 บาท การออมเงินลักษณะนี้เหมาะกับผู้ที่มีวินัยทางการเงินค่อนข้างดี
     การออมเงินแบบบวก 10 คือ ถ้าคุณใช้เงินไปเท่าไรต้องเก็บเงินเพิ่มให้ได้ 10% ของเงินที่ใช้ไป เช่น ซื้อของไป 2,000 บาท ก็ต้องออมเงินเพิ่ม 200 บาทไปพร้อมๆ กัน วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบจับจ่ายใช้สอย เพราะจะช่วยเตือนความจำให้เก็บเงินทุกครั้งที่ใช้จ่าย
      สิ่งสำคัญในการออมเงิน คือ ต้องลงมือเก็บออมโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่พลัดวันประกันพรุ่ง และจะต้องวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยการจดบันทึกหรือทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายในแต่ละวัน เดือน หรือปี ซึ่งจะทำให้ทราบว่าคุณใช้จ่ายเงินไปกับรายจ่ายประเภทไหน และจะเลือกตัดทอนรายจ่ายส่วนใดออกได้บ้าง หากคุณสามารถทำตามที่กล่าวมาได้ ปัญหาทางการเงินก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

การสร้างวินัยในการออมเงิน

     เรื่องการออมเงิน... เป็นเรื่องที่ฟังดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วกลับทำได้ยากมากเลยทีเดียว เพราะเรามักจะพบกับศัตรูที่สำคัญของการออม นั่นคือ “ความไม่มีวินัยในการออม” ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากตัวเราเอง แต่หากเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงก็สามารถสร้างวินัยในการออมเงินได้ง่ายๆ ดังนี้
  • ตั้งเป้าหมายในการออม ก่อนที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใดๆ คุณควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการก่อนทุกครั้ง การออมเงินก็ เช่นกัน คุณต้องทราบก่อนว่าจะออมเงินเพื่ออะไร จะต้องเก็บเงินกี่ปี ปีละเท่าไหร่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น
  • เปลี่ยนทัศนคติหรือความคิดในการออม พยายามคิดในเชิงบวก โดยพยายามทำให้เรื่องการออมเป็นเรื่องที่น่าสนุกและท้าทาย นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ได้เงินมาให้เก็บออมเงินส่วนหนึ่งเอาไว้เพื่อตัวเองก่อน ที่เหลือค่อยนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออม อาจเริ่มจากการเก็บออมทีละน้อยๆ แล้วจึงทยอยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ พยามยามฝึกฝนให้เป็นนิสัย เสมือนกับเป็นหน้าที่ที่ต้องทำทุกๆ วัน
  • ระมัดระวังในการใช้จ่าย ทบทวนไตร่ตรองทุกครั้งก่อนจ่ายเงินซื้ออะไรก็ตาม หมั่นถามตัวเองว่าสิ่งนั้นจำเป็นสำหรับเราจริงๆ หรือไม่ ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ไม่ต้องซื้อ
  • จัดสรรเงินออมเพื่อเป้าหมายต่างๆ อย่างเหมาะสม เงินออมสำหรับเป้าหมายแต่ละอย่างควรแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเพราะถ้าไม่แยกกันไว้อย่างชัดเจน คุณอาจจะนำเงินออมสำหรับเป้าหมายอย่างหนึ่งออกมาใช้ในเรื่องอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้คุณไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้เงินออมระยะสั้นถึงระยะปานกลาง เช่น เพื่อดาวน์รถ หรือเพื่อการท่องเที่ยว ฯลฯ เงินออมระยะยาวหรือเงินออมเพื่ออนาคต เช่น เพื่อการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น หรือเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ฯลฯ เงินออมสำหรับเรื่องฉุกเฉิน เช่น เพื่อใช้ยามเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ ฯลฯ
  • ต้องตั้งใจและลงมือทำอย่างจริงจังด้วยความมุ่งมั่น ไม่ใช่คิดเพียงว่าจะเก็บออมแต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ออมบ้างไม่ออมบ้าง สุดท้ายก็ไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ
หากคุณมีวินัยในการออม โดยเริ่มเก็บออมเงินเสียตั้งแต่วันนี้ ด้วยเงินเพียงวันละไม่กี่บาท ก็สามารถทำให้คุณมีเงินล้านได้ในอนาคต ซึ่ง “เวลา” ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการออมเงิน เพราะยิ่งออมได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งมีเงินออมในจำนวนที่มากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “ออมก่อน รวยกว่า” นั่นเอง

ทางเลือกในการออมเงิน

เมื่อพูดถึงการออมเงิน... คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการฝากเงินกับธนาคารเป็นอันดับแรก อาจเพราะความคุ้นเคยกับธนาคาร และการฝากเงินไว้กับธนาคารมีความมั่นคงปลอดภัยสูง ฝากง่าย ถอนสะดวก แถมยังได้รับบริการเสริมต่างๆ อีกมากมาย เช่น บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต ฯลฯ แต่ปัจจุบันทางเลือกในการออมเงินมีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป คุณจึงควรศึกษาทางเลือกในการออมเงินแบบต่างๆ เพื่อให้เงินออมออกดอกออกผล สร้างความมั่งคั่งให้คุณอย่างคุ้มค่าและตรงกับความต้องการมากที่สุด
  • เก็บเงินไว้กับตนเอง สมัยก่อนเรานิยมเอาเงินเก็บใส่ตุ่มหรือไหแล้วนำไปฝังดินไว้ ต้องการใช้เมื่อไหร่ค่อยขุดขึ้นมา แต่สำหรับในปัจจุบันการเก็บเงินในลักษณะนี้ เราจะเก็บเอาไว้ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น เช่น เก็บในกระปุกออมสิน หรือตู้นิรภัยที่บ้าน ฯลฯ
  • ฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน เป็นวิธีที่นิยมและแพร่หลายมากที่สุด เพราะการฝากไว้กับสถาบันการเงินมีความมั่นคงปลอดภัยสูง อีกทั้งยังได้รับดอกเบี้ยหรือเงินปันผลเป็นผลตอบแทน ซึ่งสถาบันการเงินในประเทศไทยมีหลากหลายประเภท เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือสหกรณ์ ฯลฯ
  •  การทำประกันชีวิต เป็นการออมอีกทางหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเสียทรัพย์สินหรือรายได้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันเนื่องมาจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ซึ่งในปัจจุบันมีการทำประกันบางประเภทที่ให้ทั้งความคุ้มครอง และช่วยในการออมเงินระยะยาวด้วย
  • การลงทุนในหลักทรัพย์และสินทรัพย์ต่างๆ เป็นการนำเงินออมของคุณไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นสามัญ หรือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ และของมีค่าอื่นๆ เช่น ทองคำ เพชร หยก พระเครื่อง หรือของสะสม ฯลฯ
สำหรับข้อดีข้อเสียของทางเลือกในการออมแบบต่างๆ ได้ถูกแสดงไว้ในตาราง ดังนี้

เก็บเงินไว้กับตัวเอง

ข้อดี

  • - มีสภาพคล่องสูงสามารถนำมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการ

ข้อเสีย

  • เสี่ยงต่อการสูญหาย หรือถูกขโมย
  • มีโอกาสใช้จ่ายโดยไม่ตั้งใจ เพราะเงินอยู่ใกล้มือ
  • เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการออมและการลงทุน
  • มูลค่าของเงินลดลงจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

ฝากไว้กับสถาบันการเงิน

ข้อดี

  • มีสภาพคล่องสูง สามารถถอนเงินออกมาใช้จ่ายได้ทันทีที่ต้องการ
  • มีความมั่นคงปลอดภัยสูง
  • ความเสี่ยงต่ำ
  • ได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยหรือเงินปันผล

ข้อเสีย

  • ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่น
  • มูลค่าของเงินลดลงเนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับต่ำกว่าเงินเฟ้อ

การทำประกันชีวิต

ข้อดี

  • ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียต่างๆ
  • ช่วยประกันความมั่นคงทางการเงินในอนาคต
  • การทำประกันบางประเภทได้รับผลประ โยชน์ ทั้งในรูปของเงินออมและความคุ้มครองควบคู่กันไป
  • สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีได้

ข้อเสีย

  • ไม่มีสภาพคล่อง หรือมีต่ำมาก เนื่องจากไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้จ่ายได้ทันทีที่ต้องการ

การลงทุนในหลักทรัพย์และสินทรัพย์ต่างๆ

ข้อดี

  • ผลตอบแทนค่อนข้างสูง
  • สินทรัพย์บางอย่างสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น การซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย การลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ฯลฯ

ข้อเสีย

  • สินทรัพย์บางอย่างมีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น หุ้นกู้ ฯลฯ
  • สินทรัพย์บางอย่างมีสภาพคล่องต่ำ ไม่สามารถขายในราคาและเวลาที่ต้องการได้ทันที เช่น ที่ดิน บ้าน ฯลฯ
  • เสียค่าธรรรมเนียมในการซื้อขาย เช่น ค่านายหน้า ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น: