ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

การลงทุนในหุ้นมีประโยชน์อย่างไร

การลงทุนในหุ้น...มีประโยชน์อย่างไร

ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้นนั้น สิ่งที่เราควรจะตอบให้ได้ก็คือ การลงทุนในหุ้นนั้นมีประโยชน์ต่อเราอย่างไรบ้าง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น

มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ

สิ่งสำคัญที่จูงใจให้มาลงทุนในหุ้นก็คือ ผลตอบแทน ซึ่งประกอบด้วย กำไรจากการขายหุ้น หรือที่เรียกว่า Capital Gain (ในกรณีที่ขายหุ้นได้ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา) เงินปันผลจากกำไรในธุรกิจที่บริษัทจ่ายสำหรับผู้ถือหุ้น และยังมีผลตอบแทนในรูปอื่นๆ ที่บริษัทจัดสรรให้อีก เช่น สิทธิในการจองซื้อหุ้นใหม่(Right) หุ้นปันผล (Stock Dividend) เป็นต้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากหุ้นสามัญจะผันแปรไปตามผลประกอบการของบริษัท กล่าวคือ หากภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทดี ผู้ถือหุ้นก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากภาวะเศรษฐกิจซบเซาและมีผลให้บริษัทมีผลกำไรลดลงอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับก็มีแนวโน้มที่จะลดลง ดังนั้นผู้ลงทุนจึงมีความเสี่ยงในเรื่องของความไม่แน่นอนของอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับซึ่งในประเด็นนี้จะทำให้การลงทุนหุ้นแตกต่างจากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่คงที่ เช่นการฝากเงินแบบปนะจำกัยธนาคารพาณิชย์ หรือการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพราะผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนในอัตราที่ระบุไว้หากถือตราสารจนครบกำหนด

มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ

ผู้ที่ตัดสินใจลงทุนในหุ้นมองว่า การถือหุ้นของบริษัททำให้มีส่สวนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ กล่าวคือ มีสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อลงคะแนนเสียงและร่วมบริหารในบริษัทที่ตนลงทุนอยู่ ดังนั้น หากผู้ลงทุนสนใจลงทุนในธุรกิจไหน ก็สามารถเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทที่ตยเองสนใจได้หารบริษัทผู้ลงทุนมีหุ้นอยู่มีผลปรพกอบการที่ดี ผู้ลงทุนก็จะได้รับผลประโยชน์ เช่น เมื่อหุ้นนั้นมีความน่าสนใจ ราคาหุ้นก็อาจสูงขึ้นทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้กำไรจากการขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา หรือหากบริษัทนั้นมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล หากกิจการดี ก็อาจจ่ายเงินปันผลมากขึ้น เป็นต้น

มีสภาพคล่องเมื่อต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสด

เนื่องจากหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงกว่าทรัพย์สินถาวรอื่นๆ เช่น หากผู้ลงทุนลงทุนซื้อบ้านหรือที่ดิน มักเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ค่อยซื้อขายกันบ่อยนัก เพราะในการจะหาคนมาซื้อหรือขายก็อาจจะไม่ง่ายนัก แต่สำหรับหุ้นนั้น หากผู้ลงทุนต้องการขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด ก็สามารถทำได้ง่ายกว่า หรือทางการเงินเรียกกันว่ามีสภาพคล่องมากกว่า เนื่องจากหุ้นนั้นมรตลาดรอง หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งปนะเทศไทย ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้สะดวก มีความคล่องตัว นั้นหมายถึงผู้ลงทุนไม่ต้องรู้จักผุ้ที่ต้องการซื้อหรือขาย เพราะตลาดหลักทรัพย์จะเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สิ่งสำคัญในการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายก็คือ ราคาที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม หุ้นแต่ละตัวก็อาจมีสภาพคล่องที่แตกต่างกัน พูดอีกอย่างหนึ่งคือ หุ้นบางตัวที่ได้รับความสนใจก็จะซื้อง่ายขายคล่อง ขณะที่หุ้นตัวที่ไม่ค่อยมีผู้สนใจ ก็อาจจะหาผู้ซื้อขายได้ยากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: